วิตามิน VS ใยอาหาร

ใยอาหารและ วิตามิน เป็นสารอาหารที่จำเป็นในร่างกายมนุษย์ และการบริโภคอย่างเหมาะสมสามารถส่งผลดีต่อสุขภาพของมนุษย์ได้ อย่างไรก็ตาม ทั้งสองมีความแตกต่างกันในด้านธรรมชาติ, หน้าที่, การจำแนกประเภท, และแง่มุมอื่น ๆ มาดูความแตกต่างอย่างละเอียดกัน!

แหล่งที่มา:
วิตามินมีอยู่มากในยีสต์, ธัญพืช, ตับ, ถั่วเหลือง, เนื้อสัตว์, ผลไม้, ไข่, และผลิตภัณฑ์จากนม.

ใยอาหาร เป็นส่วนประกอบจากพืช ไม่ใช่ส่วนประกอบจากสัตว์ อาหารจากพืชเป็นแหล่งธรรมชาติของใยอาหาร ใยอาหารมีอยู่มากในธัญพืชไม่ขัดสี ผัก ถั่วเมล็ดแห้ง ผลไม้ และอาหารจากเห็ดและสาหร่าย โดยเฉพาะในอาหารเช่น สาหร่ายทะเล เห็ดหูหนู เห็ดเข็มทอง ถั่วเขียว อินทผลัมแห้ง ถั่วแระญี่ปุ่น ต้นกระเทียม แป้งข้าวโพด ข้าวฟ่าง สตรอเบอร์รี่ แอปเปิ้ล ถั่วลันเตาสด หน่อไม้ หอมแดง และมะระขี้นก.

ธรรมชาติ:
* ใยอาหารเป็นโพลีแซ็กคาไรด์ที่จำเป็นสำหรับร่างกายมนุษย์ ซึ่งไม่ถูกย่อยหรือดูดซึมในระบบทางเดินอาหาร และไม่ก่อให้เกิดแคลอรี ดังนั้น ใยอาหารจึงเคยถูกเรียกว่า “สารไม่มีคุณค่าทางอาหาร” ในอดีต อย่างไรก็ตาม ด้วยการพัฒนาของเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ด้านโภชนาการ ผู้คนได้ค้นพบบทบาทของใยอาหาร ตัวอย่างเช่น การบริโภคใยอาหารสามารถส่งเสริมการบีบตัวของลำไส้ เร่งการเผาผลาญของร่างกาย และบรรเทาอาการท้องผูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ใยอาหารยังได้รับการยอมรับว่าเป็นสารอาหารที่มีประสิทธิภาพและเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในวงการโภชนาการ โดยได้รับการจัดให้เป็นสารอาหารประเภทที่เจ็ด ควบคู่ไปกับสารอาหารหลักหกประเภทดั้งเดิม ได้แก่ โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน แร่ธาตุ และน้ำ.

วิตามิน เป็นสารอาหารที่จำเป็นซึ่งร่างกายต้องการในปริมาณน้อยแต่ขาดไม่ได้สำหรับการดำรงชีวิตของร่างกาย มีวิตามินหลายชนิด แต่ละชนิดมีโครงสร้างทางเคมีที่แตกต่างกัน วิตามินไม่ใช่สารตั้งต้นหลักในการสร้างเนื้อเยื่อต่าง ๆ และไม่ใช่แหล่งพลังงานในร่างกาย อย่างไรก็ตาม วิตามินมีบทบาทสำคัญในการเผาผลาญสารอาหารและพลังงานในร่างกาย วิตามินมักพบในอาหารธรรมชาติในรูปแบบที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้หรือในรูปแบบที่สามารถเปลี่ยนเป็นสารที่ร่างกายใช้ประโยชน์ได้เนื่องจากวิตามินส่วนใหญ่ไม่สามารถสังเคราะห์ในร่างกายได้และไม่สามารถเก็บสะสมในปริมาณมากในเนื้อเยื่อของร่างกายได้ แม้ว่าจะต้องการในปริมาณน้อย แต่จำเป็นต้องได้รับจากอาหาร วิตามินบางชนิด เช่น ไนอาซินและวิตามินดี สามารถสังเคราะห์โดยร่างกายได้ และวิตามินเคกับไบโอตินสามารถสังเคราะห์โดยแบคทีเรียในลำไส้ได้ แต่ปริมาณที่สังเคราะห์ได้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของร่างกายได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นจึงไม่สามารถทดแทนการได้รับวิตามินเหล่านี้จากอาหารได้.

หมวดหมู่:
* ใยอาหารแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ได้แก่ ใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำ และใยอาหารที่ละลายน้ำ ใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำประกอบด้วยเซลลูโลส เฮมิเซลลูโลส ลิกนิน เป็นต้น พบมากในอาหารหลัก ผัก และผลไม้ ใยอาหารที่ละลายน้ำได้ ได้แก่ เพคติน กัม ฯลฯ ใยอาหารที่ละลายในไขมันโดยทั่วไปหมายถึงใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำ ซึ่งเป็นสารอาหารพิเศษที่มีสารอาหารต่างๆ เช่น เซลลูโลสและเฮมิเซลลูโลส.

วิตามินสามารถ แบ่งออกเป็นสองประเภทหลักตามความละลายในตัวทำละลาย ชนิดหนึ่งคือวิตามินที่ละลายในไขมัน ซึ่งละลายได้เฉพาะในไขมันและตัวทำละลายไขมัน ไม่ละลายในน้ำ และต้องการไขมันในการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย วิตามินประเภทนี้ประกอบด้วยวิตามินเอ วิตามินดี เป็นต้น ซึ่งช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและส่งเสริมการดูดซึมแคลเซียม อีกประเภทหนึ่งคือวิตามินที่ละลายในน้ำ ซึ่งสามารถละลายในน้ำและไม่ถูกเก็บสะสมในร่างกายได้ง่าย วิตามินที่ละลายในน้ำที่พบได้ทั่วไป ได้แก่ วิตามินบีและวิตามินซี ซึ่งส่วนใหญ่ช่วยเร่งการเจริญเติบโตของเม็ดเลือดแดง ป้องกันโรคน้ำกัดเท้า และส่งเสริมการเจริญเติบโตและพัฒนาการของร่างกาย.

ฟังก์ชัน: 
* ใยอาหาร:
1. ส่งเสริมการย่อยอาหารในระบบทางเดินอาหาร: การรับประทานใยอาหารอย่างเหมาะสมสามารถเร่งกระบวนการย่อยอาหาร มีผลในการดูดซึมน้ำเฉพาะ ช่วยในการขับถ่าย และช่วยปรับปรุงปัญหาการย่อยอาหารไม่ดีและการสะสมของอุจจาระได้อย่างมีประสิทธิภาพ.
2. พบได้ทั่วไปในพืช: ใยอาหารเป็นสารประกอบที่ซับซ้อนซึ่งมีอยู่ในพืชตามธรรมชาติ การรับประทานอาหารที่มีใยอาหารสูงสามารถช่วยส่งเสริมสุขภาพโดยรวมได้.
3. คุณสามารถได้รับมันจากอาหาร: ธัญพืชเต็มเมล็ด เช่น ข้าวบาร์เลย์หรือข้าวโพด และผัก เช่น ผักโขมหรือขึ้นฉ่าย มีเส้นใยอาหารสูง.

* วิตามิน:
1. การรักษาการดำเนินชีวิต: วิตามินมีความจำเป็นสำหรับการสังเคราะห์เอนไซม์และฮอร์โมนในร่างกายมนุษย์ และสามารถมีส่วนร่วมในกระบวนการเมตาบอลิซึมต่าง ๆ ได้ ซึ่งช่วยให้การดำเนินชีวิตเป็นปกติ.
2. ส่งเสริมการเจริญเติบโตที่ดี: วิตามินที่อุดมไปด้วยสารอาหารสามารถช่วยส่งเสริมการพัฒนาของร่างกาย และรักษาสภาพร่างกายให้แข็งแรง.
3. เสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน: วิตามินสามารถช่วยร่างกายต่อต้านการรุกรานของจุลินทรีย์และเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย.
4. ผลต้านอนุมูลอิสระ: วิตามินบางชนิดมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งสามารถยับยั้งการผลิตอนุมูลอิสระและป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์และโรคต่างๆ.
5. การปกป้องการมองเห็น: วิตามินเอสามารถรักษาการมองเห็นให้เป็นปกติและป้องกันโรคตา เช่น ตาบอดกลางคืนและโรคตาแดง.
6. ส่งเสริมการดูดซึมแคลเซียม: วิตามินดีสามารถส่งเสริมการดูดซึมแคลเซียมในร่างกาย ช่วยรักษาสุขภาพของกระดูก.
7. ส่งเสริมการไหลเวียนของเลือด: วิตามินอีช่วยปกป้องเยื่อหุ้มเซลล์เม็ดเลือดแดง ส่งเสริมการไหลเวียนของเลือด และป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด.

โดยสรุป แม้ว่าวิตามินและใยอาหารจะมีความแตกต่างกัน แต่ทั้งสองล้วนมีความสำคัญต่อสุขภาพของมนุษย์ การบริโภคในปริมาณที่เหมาะสมตามความต้องการของแต่ละบุคคลสามารถส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวมได้.

https://collagensei.com/wp-content/uploads/2024/07/Vitamin-Dietary-fiber-300×151.png

เลื่อนขึ้นด้านบน